อย่าเพิ่งซื้อรถไฟฟ้า

ถ้ายังไม่ได้ดู 8 สิ่งนี้

.
ปัจจุบันกระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาใกล้ตัว หลายท่านอาจยังลังเล ตัดสินใจไม่ถูกระหว่างรถใช้น้ำมันกับรถใช้ไฟฟ้า
วันนี้ชลกู๊ดคาร์นำสาระดีๆ มาฝากกันคะ ก่อนคิดจะซื้อรถไฟฟ้าต้องดู 8 สิ่งนี้
1.เตรียมมิเตอร์ไฟบ้าน

เมื่อเราจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกคือ การต้องเตรียมติดตั้งชุดชาร์จไฟภายในบ้าน สำหรับมิเตอร์ที่เหมาะกับการใช้ชาร์จรถไฟฟ้านั้น ควรเตรียมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ให้เป็นแบบ 30(100) แอมป์ ถึงจะสามารถรองรับการใช้งานได้ปกติ เพราะการใช้ชาร์จรถไฟฟ้านั้น จะมีการกินไฟอยู่ที่ 16 แอมป์ขึ้นไป มิเตอร์ไฟฟ้าโดยส่วนมากจะอยู่ที่ขนาด 5(15) แอมป์ ตามจริงว่าตัวมิเตอร์ไฟรองรับได้ แต่ตัวเบรกเกอร์ตัวหลักจะมีการตัดไฟไม่เกิน 15 แอมป์ เราจึงควรเตรียมความพร้อมก่อนคิดจะติดตั้ง ซึ่งสามารถติดต่อขอทำเรื่องขอเปลี่ยนมิเตอร์กับทางการไฟฟ้าในเขตที่ท่านอาศัยอยู่
.
2.เตรียมจุดชาร์จไฟฟ้า

การชาร์จรถไฟฟ้าใช้กำลังไฟฟ้ามาก ดังนั้นในจุดการติดตั้งแหล่งจ่ายไฟฟ้าควรทำการต่อตรงมาจากเบรกเกอร์หลักของบ้านเท่านั้น และไม่ควรมีการต่อพ่วงไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ปกติแล้วทางตัวแทนจำหน่ายหรือค่ายรถยนต์จะให้คำแนะนำ และบางค่ายอาจจะมีโปรโมชั่นแถมชุด WALL CHARGE ให้พร้อมติดตั้ง
.
3.หลังจากเปลี่ยนมิเตอร์แล้วต้องทำการเปลี่ยนสายไฟฟ้าในบ้านเพิ่มอีก 2 สาย ให้เป็นไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อไม่ให้เกิดการลัดวงจรเกิดขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนขนาดสายไฟเข้าบ้านใหม่หมด ให้เป็นสายไฟที่หนาขึ้น เพื่อรองรับไฟที่สามารถสูงถึง 100 แอมป์ รวมถึงต้องเปลี่ยนระบบเบรกเกอร์ที่บ้านด้วยและสายไฟ ที่ออกจากเบรกเกอร์มาที่จุดชาร์ตก็ต้องเป็นสายไฟที่สามารถรองรับกระแสไฟที่มากตามสเปคด้วย
.
4.ต้องเสียบปลั๊กทุกวันให้ติดเป็นนิสัย

รถไฟฟ้าต่างจากรถใช้น้ำมัน ที่ขับไปแล้วน้ำมันใกล้หมดเราสามารถแวะหาปั้มเติมได้เลย แต่รถไฟฟ้าในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ แถมยังต้องใช้เวลาในการชาร์จนานกว่ามาก ดังนั้นขับเข้าบ้านปุ๊บก็ต้องมาเสียบชาร์จรถทุกวันด้วยนะคะ ถึงแม้ว่ารถไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ขายในปัจจุบันจะสามารถวิ่งในระยะทางได้เกิน 200 กิโลเมตร แต่เหตุสุดวิสัยไม่มีใครสามารถคาดคิดได้ ดังนั้นจึงควรทำให้ติดจนเป็นนิสัย
.
5.โหลดแอพพิเคชั่นจุดชาร์จไฟรถไว้ติดโทรศัพท์

MEA EV เพื่อค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV ของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) บริษัท EA Anywhere (EA) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) หรือแอปพลิเคชั่น EV Station ของปตท. แอพเหล่านี้จะช่วยเราได้ในกรณีที่เราต้องเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียง และควรโทรสอบถามสถานที่นั้นก่อนว่ารองรับการใช้งานหรือไม่
.
6. ต้องรู้ระยะการใช้งานจริงของรถไฟฟ้า ว่าเราชาร์จไฟเต็ม สามารถใช้งานได้จริงกี่กิโลเมตร โดยส่วนใหญ่แล้วจะหายไป 15-25% โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของเรา
.
7.ต้องวางแผนการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น เผื่อเวลาในการจอดรถเพื่อชาร์จไฟ สำหรับใครที่จำเป็นต้องเดินทางระยะทางไกลๆ การชาร์จแต่ละครั้งเกิน 1 ชม. ถ้าเป็นหัว Fast Charge ก็อาจจะเร็วขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ใช้ระยะเวลาเกินครึ่งชั่วโมง และยังได้แค่ 80% อีกด้วย (ป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสียหาย)
.
8.ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ใช้น้ำมันเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ค่าชาร์จไฟฟ้าของรถ EV จะประหยัดกว่าเติมน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 3 เท่า!! โดยอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จะอยู่ที่ 3 บาท/กิโลเมตร ส่วนค่าไฟในการชาร์จรถ EV จะอยู่ราวๆ 0.7 – 1 บาท/กิโลเมตร เท่านั้น แต่หากชาร์จตามสถานที่อื่นๆ ก็อาจจะมีเพิ่มค่าบริการอีกเล็กน้อย ตามแต่สถานที่
ข้อดีของการใช้รถไฟฟ้านั้น

นอกจากเราจะได้การตอบสนองของรถที่ดีมากขึ้น, เสียงเงียบลง, ค่าไฟฟ้าในการเสียบชาร์จถูกกว่าเติมน้ำมันแล้ว คุณยังได้ลดในส่วนค่าดูแลรักษาตามระยะทางอีกด้วย เพราะไม่ต้องเติมน้ำมันเครื่อง, ไม่มีหม้อน้ำ, ไม่มีน้ำมันเกียร์ ดูแลเฉพาะส่วนอื่นเช่น น้ำมันเบรก, เบรก, ยาง, อุปกรณ์ปรับอากาศ เป็นต้น และที่สำคัญคือเราจะขับรถที่ไม่มีการปล่อยมลพิษเลย