หม้อน้ำรถยนต์ เติมอะไรดี ???
อาจมีใครหลายๆ คนที่ใช้น้ำเปล่า แทนน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ ซึ่งถามว่าใช้ได้ไหม คำตอบคือ ใช้ได้ครับ แต่ไม่ควรใช้ และก่อนจะถามว่าทำไมถึงไม่ควรใช้นั้น เราควรมารู้จักกับหม้อน้ำรถยนต์แบบคร่าวๆ กันก่อนครับ
หม้อน้ำ หรือเครื่องยนต์ระบายความร้อน มีหน้าที่สำคัญคือคอยระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป จนเกิดอาการที่รู้จักกันว่า “โอเวอร์ฮีต” การทำงานของของเหลวในหม้อน้ำนั้นจะไหลเวียนไปตามท่อที่อยู่บริเวณห้องจุดระเบิดของเครื่องยนต์ แล้วมันลำเลียงความร้อนจากในเครื่องยนต์นั้นกลับวนมาที่หม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนออก และจะกลับไปที่เครื่องยนต์ใหม่เพื่อรับความร้อนมาระบายออกแบบนี้วนไปตลอดการทำงานของมัน
ส่วนของเหลวที่ใช้เติมในหม้อน้ำนั้น ใช้น้ำเปล่าได้ไหม ? ซึ่งจริงๆ แล้วใช้ได้แต่ไม่ควร เพราะการเติมน้ำเปล่านั้น จะทำให้เกิดสนิม และมีตะกรันปนอยู่ในน้ำ ซึ่งมีผลต่อระบบหม้อน้ำในระยะยาวอาจเกิดการอุดตัน หรือผุกร่อนของชิ้นส่วนที่ทำจากโลหะ โดยเฉพาะ อะไหล่รถยนต์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งเกิดสนิม และผุกร่อน คนทั่วไปก็อาจจะมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมาย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การใช้น้ำเปล่าต่อไปจะมีผลกระทบต่อเครื่องยนต์อย่างแน่นอน อย่างที่ได้บอกไปว่าของเหลวในหม้อน้ำนั้นจะคอยระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ซึ่งน้ำเปล่านั้นมีจุดเดือดที่ต่ำกว่าน้ำหล่อเย็นมาก(น้ำจะเดือดเร็วกว่า) ซึ่งน้ำหล่อเย็นนั้นไม่ได้มีแค่จุดเดือดที่สูงกว่าน้ำเปล่าอย่างเดียวเท่านั้น แต่น้ำหล่อเย็นยังช่วยต้านการเกิดสนิม และการกัดกร่อนโลหะได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสารช่วยหล่อลื่นผิวตามบริเวณที่มีการเสียดสีกัน อย่างเช่นปั๊มน้ำของเครื่องยนต์ การใช้น้ำเปล่าแทนน้ำหล่อเย็นนั้นจะระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ได้มีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ามาก เครื่องยนต์นั้นจะรับภาระมากกว่าปกติในทุกๆ ครั้งที่เราใช้รถยนต์ ทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุใช้งานจริงๆ ของมัน อาจมีบางคนที่ใช้รถเป็นเวลานาน โดยใช้น้ำเปล่ามาตลอด จนอาจจะต้องคอยเติมน้ำทุกเดือน หรือทุกสัปดาห์ นั่นเป็นการบ่งบอกได้อย่างดีว่าระบบหม้อน้ำนั้นเริ่มมีปัญหาที่ทับถมมาเป็นเวลานานแล้วนั่นเอง
น้ำหล่อเย็นนั้นมีอายุการใช้งานประมาณ 1 - 3 ปี แล้วแต่การใช้งาน หรือประมาณ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร ราคาตามท้องตลาดนั้น 1 ลิตร ราคาอย่างต่ำตกอยู่ที่ประมาณ 150 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับการใช้น้ำเปล่าตลอดระยะเวลา 5 – 10 ปีแล้วค่อยเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพ ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และยังทำให้สภาพการทำงานของตัวเครื่องโดยรวมนั้นไม่เหมือนเดิมอีกด้วย
วิธีการดูแลตรวจสอบหม้อน้ำและข้อควรระวัง
1. หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อพักน้ำให้อยู่ระหว่าระดับต่ำสุดกับสูงสุดอยู่ตลอด อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
2. ให้ลองสังเกตว่าน้ำนั้นมีสิ่งผิดปกติอะไรเกิดขึ้นไหม อย่างเช่น สีของน้ำเปลี่ยนไปหรือมีคราบตะกรัน หรือระดับน้ำลดหายรวดเร็วหรือต้องคอยเติมน้ำอยู่บ่อยๆ เป็นการบ่งบอกว่าอะไหล่ที่เป็นทางผ่านของน้ำนั้นผิดปกติหรือชำรุด
3. หากใช้รถอยู่แล้วที่เกจรถนั้นมีสัญลักษณ์เตือนความร้อนสูง ให้ลองตรวจสอบดูว่ามีน้ำในหม้อพักน้ำอยู่ระดับปกติหรือไม่ และควรปรึกษาช่างทันที
4. ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ เพราะในท่อระบบหม้อน้ำนั้นมีแรงดันสูงจากน้ำที่ร้อนเดือดอยู่ อาจทำให้เกิดอันตรายหากเปิดมัน
5. หากสังเกตเห็นน้ำหยดมาจากใต้ท้องรถ นั่นอาจเกิดจากระบบหม้อน้ำรั่วก็ได้ ควรนำรถไปเข้าศูนย์หรืออู่เพื่อตรวจเช็ค
ทีนี้ก็รู้กันแบบคร่าวๆ แล้วนะครับว่าระหว่างน้ำเปล่า กับน้ำหล่อเย็นที่ใช้ในหม้อน้ำนั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแล้วแต่ว่าใครจะตัดสินใจใช้แบบไหน และถ้าอยากให้รถยนต์อยู่กับคุณไปนานๆ ก็อย่าลืมหมั่นตรวจสภาพรถยนต์ของคุณให้ดี และสม่ำเสมอเป็นประจำด้วยนะครับ